วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ทฤษฎีละครสัตว์

ละครสัตว์ (Circus)

คำว่า ละครสัตว์ หรือ CIRCUS นั้นหมายถึง CIRCLE หรือวงกลมนั่นเอง ในสมัยก่อนโน้นบรรดาเหล่าสุภาพบุรุษ โรมันนิยม เอ็กเซอร์ไซส์ โดยการขี่ม้าไปรอบๆ สนามที่เป็นวงกลม
สนามที่โด่งดังที่สุดของโรมันก็คือ เซอร์คัส แม็กซิมุส อันกว้างขวางบริเวณเชิงเขาพาลาทิเน่ในกรุงโรม ซึ่งสนามนี้ยังใช้ในการ ประลองแข่งม้ากับแสดงกิจกรรมต่างๆ แต่ถึงยังไงกิจกรรมเหล่านั้น ก็ยังเรียกไม่ได้ว่า เป็นละครสัตว์แบบที่เรารู้จักกันทุกวันนี้






ผู้ที่ควรได้รับเกียรติว่าเป็นผู้ริเริ่มการแสดงละครสัตว์จริงจังได้แก่ ฟิลิป แอสตลีย์ (Philip Astley) ชาวอังกฤษเขาเกิดในปี ค.ศ. 1742 และมีความสนใจในม้ามาตั้งแต่เด็ก พออายุได้ 17 ก็ออกจากบ้านไปสมัครเป็นทหาร แล้วก็กลายเป็นทหารที่ขี่ม้าได้เชี่ยวชาญยิ่ง เพื่อนทหารด้วยกันถึงกับตะลึงบ่อยๆ เมื่อเห็นเขายืนบนหลังม้าที่กำลังควบ บางครั้งก็โดดขึ้นโดดลงในขณะที่ม้ากำลังวิ่ง เอาหัวตั้ง ตีนชี้ฟ้าบนหลังม้าที่เหยาะย่างก็บ่อยไป


กลุ่มนักแสดงที่เดินทางไปทำการแสดง อาจหมายถึงการแสดง กายกรรม ตัวตลก การฝึกสัตว์ นักดนตรี การแสดงห่วง การเดินบทลวดขึง การโยนสิ่งของสลับมือ (juggling) การขี่จักรยานล้อเดียว และการแสดงผาดโผนอื่นๆ


ทฤษฎีละครสัตว์


ผู้ควบคุมสัตว์จะถือแส้ไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งจะถือเศษอาหารไว้
สัตว์ตัวไหนที่แสดงดีก็จะได้รับเศษอาหารชิ้นหนึ่งทุกครั้งไป ส่วนสัตว์ตัวไหนที่เกเรไม่ยอมแสดงก็จะถูกหวดด้วยแส้เช่นกัน

ผู้ที่เลี้ยงดูสัตว์ ก็จะให้อาหารสัตว์แค่พอประทังชีวิตไปวันๆ
และจะไม่ให้สัตว์กินอาหารจนอิ่มมากเกินไป เพราะสัตว์จะไม่ยอมแสดงขี้เกียจและเอาแต่นอน
แต่ถ้าหากให้อาหารสัตว์น้อยเกินไป สัตว์ก็จะหิวโซและแสดงอาการดุร้ายออกมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น